การปฏิบัติของหญิงตั้งครรภ์ในการป้องกันอันตรายจากการสัมผัสฝุ่น PM2.5

การปฏิบัติของหญิงตั้งครรภ์ในการป้องกันอันตรายจากการสัมผัสฝุ่น PM2.5

                 ในปัจจุบัน สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและช่วงที่สภาพอากาศนิ่ง ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในระยะยาว

                  ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 มีทั้งแหล่งกำเนิดจากมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในยานพาหนะ การเผาป่า การเผาขยะ การผลิตทางอุตสาหกรรม และแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ เช่น ละอองเกสรดอกไม้หรือฝุ่นจากดิน ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ ปัญหานี้ยิ่งทวีความรุนแรง เนื่องจากการจราจรที่หนาแน่น การก่อสร้าง และพื้นที่สีเขียวที่ลดลง แต่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนยังคงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการลดการปล่อยมลพิษ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของ PM 2.5 ที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเบาะบางที่มีความเสี่ยง ทั้งต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ โดยมีผลกระทบและแนวทางปฏิบัติตัวดังนี้

1. ผลกระทบบต่อสุขภาพสตรีตั้งครรภ์

1.1 ภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์ 

1.2 เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์

1.3 เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด

2. ผลกระทบต่อสุขภาพทารกในครรภ์

2.1 หัวใจพิการแต่กำเนิด

2.2 ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทำ ให้เกิดภาวะเครียด ทำให้เซลล์และสารพันธุกรรมถูกทำ ลายและการทำหน้าที่ของรกลดลง ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของรกและทารกในครรภ์ได้

2.3 น้ำหนักทารกแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ 

2.4 ทารกตายคลอดหรือแท้ง

การปฏิบัติตนของสตรีตั้งครรภ์

1. ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ถ้าจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันทุกครั้ง
2. เมื่ออยู่ในอาคาร ควรใช้เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองอากาศชนิด HEPA (high efficiency particulate air filter)
3. ปิดหน้าต่างและประตูให้สนิท ทำความสะอาดบ้านด้วยการดูดฝุ่น หรือเช็ดถูด้วยผ้าชุบน้ำหมาดเพื่อลดปริมาณฝุ่น
4. ดื่มน้ำให้เยอะๆ เพื่อลดอาการระคายเคืองคอและแสบคอ
5. สังเกตอาการผิดปกติสตรีตั้งครรภ์ที่มีอาการเช่นไอบ่อย หายใจลำ บาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติหรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบ พบแพทย์
6. แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์ติดตามคุณภาพอากาศจากสื่อต่างๆโดยสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายผ่านแอปพลิเคชัน เช่น AirVisual/ Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ สามารถโหลดได้ทั้ง ios และ android